วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2551

การดื่มน้ำให้ถูกวิธี

การดื่มน้ำมีประโยชน์ต่อร่างกายมากก็จริง แต่ใช่ว่าการดื่มน้ำเข้าไปทุกครั้งนั้นจะไม่มีโทษเกิดขึ้น วันนี้เรามาทำความเข้าใจกับการดื่มน้ำ ให้ถูกต้องกันดีกว่า

ขั้นแรก ควรดื่มน้ำทุกครั้งที่ร่างกายร้องขอ แต่อย่าพรวดพราดดื่มทีละมากๆ เพราะจะไปเพิ่มภาระให้ระบบขับถ่ายอย่าง ไต, ปอด, ม้าม รวมทั้งระบบย่อยอาหาร ให้ทำงานหนักขึ้นด้วย

ส่วนที่เค้าบอกกันมาว่า ให้ดื่มน้ำวันละ 8 แก้วนั้น รู้มั้ยว่าหมายรวมถึง ปริมาณทั้งหมดของน้ำ ที่เรารับในแต่ละวันไม่ว่าจะเป็นน้ำจากผัก, ผลไม้, น้ำแกง, น้ำก๋วยเตี๋ยว ฯลฯ ซึ่งทุกน้ำที่ผ่านเข้าร่างกายของเราไปนั้น นับรวมได้หมด ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องดื่มน้ำเปล่ากันให้ครบ 8 แก้วหรอกครับ และหากคุณเป็นคนที่ชอบรับประทานอาหารรสไม่จัดจ้านจนเกินไป คุณก็แทบจะไม่กระหายน้ำเลย แต่หากว่าวันไหนรับประทานอาหารเนื้อสัตว์, ของหวานจัด หรือ อาหารแห้งๆ ทอด, ย่าง, ปิ้งทั้งหลาย ร่างกายก็จะเรียกหาน้ำมากขึ้น ซึ่งทำให้อวัยวะต่างๆ ต้องทำงานหนัก ผลก็คือร่างกายของเราจะทรุดโทรมลงก่อนวัยอันควร

นอกจากนี้อากาศร้อนๆ ของบ้านเรา ทำให้แทบ ทุกคนชอบดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ จนติดเป็นนิสัย ซึ่งทำให้อวัยวะต้องปรับอุณหภูมิน้ำเย็น ที่เราดื่มเข้าไป ให้เท่ากับร่างกายก่อน จึงค่อยนำไปใช้ ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอลง เพราะระบบย่อยอาหารต้องทำงานหนัก และอาจมีปัญหาเรื่องการปวดประจำเดือนได้ ดังนั้น น้ำที่เหมาะสมที่สุดในการดื่มจึงเป็นน้ำเปล่าแบบไม่เย็น และนอกจากนี้ควรหมั่นดื่มน้ำอุ่นๆ บ้าง เพื่อช่วยให้ร่างกายของเราขับเหงื่อออกมาได้มากขึ้น

ที่สำคัญอีกอย่างคือ ไม่ควรดื่มน้ำระหว่างรับประทานอาหาร เพราะจะทำให้น้ำย่อยเจือจาง ระบบย่อยอาหารจะทำงานช้าลง และร่างกายได้รับสารอาหารไม่เต็มที่ แต่เรามีวิธีแก้ไขคือให้จิบน้ำอุ่น หรือชดน้ำซุปแก้ฝืดคอแทน แล้วเคี้ยวอาหารช้าๆ ให้ละเอียดก่อนกลืน ก็จะช่วยลดการกระหายน้ำได้เช่นเดียวกัน

และสุดท้ายหากคุณต้องการดื่มน้ำให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายจริงๆ ควรดื่มตอนที่เพิ่งลุกจากเตียงหมาดๆ หรือช่วงเวลา 1 ชั่วโมงก่อนทานอาหาร และหลังจากอิ่มแล้วครึ่งชั่วโมง ซึ่งเวลาเหล่านี้แหละที่จะทำให้ น้ำ ดีต่อสุขภาพของคุณที่สุด

วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551

รถยนต์มือสองต้องติดฉลาก

ปัจจุบันการซื้อรถยนต์ใช้แล้ว (รถยนต์มือสอง) ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก เพราะดอกเบี้ยไม่ต่างจากรถป้ายแดงมากนัก อีกทั้งหากเลือกดีๆ ก็ได้รถที่มีคุณภาพไปใช้งาน แต่ก็มีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่โดนโกงโดนหลอกจากผู้ประกอบธุรกิจที่มีเจตนาแอบแฝง เช่น ปกปิดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคุณภาพของรถยนต์, เปลี่ยนแปลงสภาพรถยนต์, เป็นรถยนต์ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือเป็นรถยนต์ที่มีภาระผูกพันจากปัญหาดังกล่าว สำนักคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคจึงออกประกาศว่าด้วยฉลากฉบับที่ 24 (พ.ศ.2550) กำหนดให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลากซึ่งมีผลบังคับใช้วันที่ 8 กันยายน 2550 เป็นต้นไป โดยผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ใช้แล้วจะต้องแสดงข้อมูลรถยนต์ให้ผู้บริโภคทราบ ซึ่งข้อความที่แสดงจะต้องมีขนาดตัวอักษรไม่ต่ำกว่า 1 เซ็นติเมตร เกี่ยวกับรถยนต์ใช้แล้วตามที่ปรากฎในรายการจดทะเบียนและต้องระบุข้อความดังตัวอย่างต่อไปนี้

ตัวอย่างการจัดทำฉลากสินค้า "รถยนต์ใช้แล้ว"
ประเภท : รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน
ยี่ห้อรถ :
ประเภทสี :
ยี่ห้อเครื่องยนต์ :
เชื้อเพลิง :
เลขตัวถัง :
เลขเครื่องยนต์ :
เลขทะเบียน :
วันที่จดทะเบียน :
เจ้าของรถลำดับที่ :
ผู้ผลิต :
ผู้จำหน่าย :
สถานที่ตั้ง :
ขนาด / ปริมาณ :
วิธีใช้ :
ข้อแนะนำการใช้ :

ซึ่งหากผู้ประกอบธุรกิจไม่จัดทำฉลาก หรือจัดทำฉลากไม่ถูกต้อง จะมีโทษทั้งจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ

วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2551

11 ข้อปลอดภัยกับ "บัตรเครดิต"

"บัตรเครดิต" คือ เงินสดก้อนใหญ่ที่อำนวยความสะดวกในการชำระสินค้าและบริการต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ทั้งยังสามารถใช้เบิกถอนเงินสดจากตู้ ATM หรือเคาน์เตอร์ธนาคารได้ในยามฉุกเฉิน ดังนั้น "ความปลอดภัย" จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรระวัง เพื่อป้องกันแอบอ้าง การปลอดแปลงหรือการโจรกรรมบัตรเครดิต นี่คือข้อควรระวัง 11 ข้อที่ควรปฎิบัติเพื่อตัวคุณเอง
  1. เซ็นชื่อด้านหลังบัตรเครดิตทันที บนแถบขาวหลังบัตรเครดิตใหม่ของท่าน เพื่อป้องกันบุคคลอื่นแอบอ้างแสดงความเป็นเจ้าของ
  2. ตรวจเช็คข้อมูลบนใบบันทึกรายการขายให้ถูกต้อง โปรดตรวจสอบจำนวนเงิน หมายเลขบัตรเครดิต และชื่อ/นามสกุล ก่อนเซ็นชื่อ บนใบบันทึกรายการขาย
  3. ยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงานหรือแคชเชียร์โดยตรงเมื่อชำระค่าสินค้า/หรือบริการเพื่อหลีกเลี่ยง และป้องกันไม่ให้บัตรเครดิตของคุณผ่านมือบุคคลอื่นโดยไม่จำเป็น
  4. ทำลายหรือเก็บใบบันทึกการขายที่ยกเลิกรายการ เมื่อแคชเชียร์ทำรายการ
  5. ไม่ถูกต้อง รายการนั้นจะต้องถูกยกเลิกในระบบ(void) และควรเรียกใบบันทึกรายการขาย ฉบับที่ยกเลิกนั้นเก็บไว้ตรวจสอบหรือทำลายทันที เพื่อป้องกันการเรียกเก็บซ้ำซ้อน
  6. มั่นใจว่าบัตรเครดิตที่รับกลับถูกต้อง ทุกครั้งที่รับบัตรเครดิตคืนจากพนักงานขายหรือแคชเชียร์โปรดตรวจสอบรายละเอียด อาทิ เช่น ชื่อ/นามสกุล หมายเลขบัตรเครดิต เพื่อป้องกันสลับบัตร
  7. เก็บใบบันทึกรายการไว้เพื่อตรวจสอบยอดในใบแจ้งยอดการใช้จ่ายทุกครั้งเมื่อชำระค่าสินค้า/บริการ ควรเก็บใบบันทึกรายการ รายการขาย(Sales Slip) หรือใบบันทึกการเบิกเงินสดล่วงหน้า(Cash Advance) เพื่อใช้ตรวจสอบความถูกต้องกับรายการเรียกเก็บใบในแจ้งยอดการใช้จ่าย(Statement) หากพบข้อผิดพลาด โปรดติดต่อสถาบันผู้ออกบัตรเครดิต
  8. สังเกตุตู้ ATM ก่อนใช้บริการ ควรสังเกตและหลีกเลี่ยงตู้ ATM ที่มีอุปกรณ์แปลกปลอมอื่นใดเกินมาจากส่วนประกอบปกติของตู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณช่องสอดบัตรเพื่อทำรายการ
  9. ทำลายเอกสารหรือใบบันทึกรายการที่มีข้อมูลบัตรเครดิต เนื่องจากเอกสารดังกล่าวปรากฏข้อมูลต่างๆ ของบัตรเครดิตซึ่งล่อแหลมต่อการนำไปใช้โดยมิจฉาชีพ หากไม่มีความจำเป็นต้องใช้ควรฉีก ย่อยหรือเผาทำลายก่อนทิ้ง
  10. ตั้งรหัสให้ "ง่ายต่อการจำ ยากแก่การคาดเดา" รหัส PIN No. หรือ ATM PIN เป็นรหัสเฉพาะส่วนบุคคลที่ใช้คู่กับบัตรเครดิตเท่านั้นจะต้องเป็นความลับ คุณจึงเปลี่ยนแปลงได้เองที่ตู้ ATM
  11. ไม่เปิดเผยหมายเลข 3 หลักด้านหลังบัตรเครดิต การทำรายการสั่งซื่อสินค้าผ่าน Internet/Mail Order/Telephone Order บนหน้าจอ Computer หรือในแบบฟอร์มการสั่งซื้อสินค้า จำเป็นต้องใช้หมายเลข 3 หลักที่ปรากฎต่อท้ายหมายเลขบัตรเครดิตที่อยู่บนแถบลายมือชื่อด้านหลังบัตร ดังนั้นจึงควรเก็บหมายเลขดังกล่าวเป็นความลับ และกรอกหมายเลขนี้ด้วยตัวท่านเองเสมอ
  12. เก็บบัตรเครดิตในที่มิดชิดแต่สังเกตง่าย ควรเก็บบัตรเครดิตในตำแหน่งที่เห็นเด่นชัดในกระเป๋าสตางค์ เพื่อความสะดวกในการตรวจดู และทราบทันทีเมื่อสูญหาย